ฝึกงาน ฝึกทำงาน ฝึกงานทำงาน ฝ…

ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา เวลามีคนมาถามว่าฝึกงานที่ไหน  ไม่รู้ทำไมถึงลำบากใจที่จะตอบเหลือเกิน คือไม่รู้จะตอบยังไงดี 55

เพราะถ้าบอกชื่อบริษัทไป เค้าก็จะถามต่อว่าคืออะไร แต่ถ้าบอกว่าบริษัททำเว็บ เค้าก็จะถามต่อว่าชื่ออะไร

ด้วยความที่เป็นบริษัทที่ไม่ได้มีตลาดลูกค้าในเมืองไทย ก็ไม่แปลกที่จะไม่มีใครรู้จักบริษัทนี้

อ้าว! แล้วผมไปรู้จักได้ยังไง 55

 

เรื่องมันเริ่มมาจาก ที่มหาลัยจัดงานให้บริษัทต่าง ๆ เข้ามาเปิดบูธเพื่อโปรโมทบริษัทเพื่อรับสมัครนิสิตเข้าฝึกงาน

ตอนนั้นก็มีมาเยอะนะ บริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Microsoft กสิกรไทย ตลาดหลักทรัพย์ IBM

บริษัทเล็ก ๆ ที่เป็น startup ก็มีมาเหมือนกัน แต่ด้วยความเชื่อส่วนตัวอะไรสักอย่าง ทำให้ผมอยากฝึกงานในบริษัทไม่ใหญ่ครับ

เนื่องจากผมมองว่าบริษัทใหญ่เนี่ย เค้ามีระบบ ขั้นตอนต่าง ๆ ที่วางมาแล้วแบบว่าขยับยาก

การที่เราจะเข้าไปทำงาน (ฝึกงาน) แค่ 2 เดือนเนี่ย โอกาสที่เค้าจะให้เราเข้าไปมีส่วนร่วมในงานของเค้าจริง ๆ น่าจะยาก

สุดท้ายผมก็เลือกที่จะเข้าไปสมัครและได้ฝึกงานที่บริษัทนี้ครับ

 

บริษัทนี้รู้จักกันในชื่อว่า Pronto Marketing ซึ่งผมเพิ่งจะมารู้เอาทีหลังว่าชื่อจริง ๆ ของบริษัทนี้คือ มอนซูน คอมมูนิเคชั่นส์

อันนี้ค่อนข้างจะเข้าใจยากนะ คือบริษัทเนี้ย เป็นบริษัทที่ทำทุกอย่างให้ลูกค้า ตั้งแต่เว็บไซต์, SEO, marketing

ซึ่งลูกค้าก็คือธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งเอาจริง ๆ เค้าก็จะมีลูกค้าของเค้าอีกที

ด้วยเหตุนี้เวลาทำงาน ก็มีหลายครั้งที่งงว่า ลูกค้าคือลูกค้าหรือว่าลูกค้าของลูกค้า (หึ๊?)

ในเมื่อทำให้ลูกค้าได้เยอะขนาดนี้ บริษัทก็เลยต้องแบ่งเป็นส่วน ๆ ครับ ไม่ใช่ว่าคนกลุ่มเดียวจะทำได้ทั้งหมด

ซึ่งส่วนที่ผมไปฝึกงานเนี่ย ก็เป็นส่วนที่เรียกว่า Research and Development

เป็นส่วนที่พัฒนาส่วน backend ของเว็บไซต์ และส่วน analysis สถิติต่าง ๆ ในเว็บที่เราทำให้ลูกค้าเรา

 

สบาย ๆ ครับ ทีนี่เน้นสบาย ๆ ไม่ใช่ว่างานสบายหรืออะไรนะ แต่แต่งตัวสบาย ๆ ชิว ๆ เสื้อยืด กางเกงขาสั้นบ้าง ยีนส์บ้าง แตะบ้าง ผ้าใบบ้าง

จนบางครั้งเพิ่งจะเดินลงจากรถเมล์กลับจากที่ทำงาน เพื่อนก็จะถามว่า “นี่วันนี้ไม่ไปฝึกงานเหรอ?” 555

 

routine การฝึกงานของที่นี่ ค่อนข้างจะโอเคนะ มี checkpoint ให้บ่อย ทำงานไม่นานไป ทำให้ไม่รู้สึกว่าเบื่อที่จะต้องมาทำงาน

จะเบื่อทำไป อีกแป๊บเดียวก็ได้พักแล้ว อ่ะ ไม่เชื่อ เดี๋ยวไล่ให้ดูเลย

  • เข้างานตอน 9 โมง (ไม่ควรเลทนะ แต่เลทตลอด แหะ ๆ) จะมีฝึกเขียนโค้ดทุก ๆ เช้า
  • ประมาณ 9.30 น. พัก จะขึ้นไปชงกาแฟหรือทำธุรัส่วนตัวก็ไดิ
  • ตอน 10 โมง มี standup meeting ประชุมทีมว่าเมื่อวานทำอะไรบ้าง วันนี้กำลังจะทำอะไร
  • หลังจากนั้นก็ทำงานไปจนถึงเที่ยง พัก
  • เข้างานบ่ายโมง ทำงานอีกสองชั่วโมง
  • 15:00 น. มีอาหารว่างและโต๊ะปิงปองอยู่ที่ชั้น 7 จะนั่งกินตรงนั้นชิว ๆ หรือหยิบใส่จานไปทำงานด้วยก็ได้
  • 17:00 น. ก็เลิกงานละ

ถ้าให้วางเป็น timeline จะได้แบบนี้

30m KATA | 30m BREAK | 30m MEETING | 1h 30m WORK | 1h BREAK | 2h WORK | 30m BREAK | 1h 30m BREAK

จะเห็นว่าแต่ละ cycle การทำงานจะไม่เกิน 2 ชั่วโมงเลยนะ ด้วยความที่เรารู้สึกว่าเราทำงานอย่างมีจุดหมาย (เวลาพัก 55)

ก็เลยทำให้เราอยากจะใช้เวลาสำหรับทำงานเพื่อทำงานอย่างเต็มที่ จะวอกแวกไปทำอย่างอื่นทำไม ในเมื่ออีกไม่ถึง 2 ชม. ก็ได้พักละ

 

เคยเป็นมั้ย เวลาต้องมา debug/maintain โค้ดที่คนอื่นเขียน บางครั้งใช้เวลาแก้แค่สองสามชั่วโมง แต่เสียเวลาไปเป็นวัน ๆ เพื่อแกะโค้ด

การเขียนโค้ดที่นี่ไม่ได้เร่ง ๆ ทำให้เสร็จ ๆ ไปนะ ไม่ได้เน้นแต่ปริมาณ แต่คำนึงถึงคุณภาพในทุก ๆ บรรทัด ไม่สิ ทุก ๆ อักขระเลยเหอะ 55

สิ่งที่คนที่นี่ใช้ตรวจสอบความสวยงามของโค้ดเรียกว่า flake8 (ก่อนหน้านี้พักนึงเหมือนจะใช้ pep8 ด้วยนะ)

เรียกว่าเป็น list แรกของการตรวจสอบการทำงานของโค้ดที่เราเขียน ช่วยให้คนที่มาทำงานต่อเราทำงานง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะ

 

2 อาทิตย์แรกที่ไป จะเป็นการปูพื้นฐานเกี่ยวกับเครื่องมือที่ใช้ (ในที่นี้ใช้ภาษา Python กับ django framework)

สอนในระดับที่คนที่ไม่เคยแตะ Python/django มาก่อน สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องคอยถามอ่ะ

ผมเคยทำ django มาก่อนแล้วสงสัยอะไรหลายอย่าง ว่าเฮ้ย ทำไมอันนี้มันอยู่ตรงนี้ ไม่ไปอยู่ตรงนั้น ทำไมต้องมีไฟล์นี้

ระหว่างที่สอนก็ถามได้ตลอด ก็ทำให้หายสงสัยอะไรหลาย ๆ อย่างนะ

ลองคิดดูว่าถ้าเป็นคอร์สเรียนข้างนอกที่จะมาสอนขนาดนี้ คนสอน 1 คนต่อนักเรียน 4 คน จะหาได้ที่ไหน 55

จริง ๆ ก็ไม่เชิงว่าสอนหรอก แต่เป็นการให้ลองทำ project สมมติ เล็ก ๆ ซึ่งโครงสร้างมันเหมือนกับงานจริง

ระหว่างที่ทำ ก็จะแทรกขั้นตอนกระบวนการทำงาน ว่าทีมทำงานกันยังไง

อ้อ ที่นี่ใช้ Agile Methodologies ในการ develop นะครับ คือเอาจริง ๆ ผมเพิ่งจะเรียนเรื่อง Development System มา

ในวิชาหนึ่งที่มหาวิทยาลัย แต่เค้าสอน Agile แบบข้าม ข้ามมาก ๆ เรียกได้ว่าแค่พูดถึงชื่อแล้วผ่านไปเลย

การมาฝึกงานที่นี่ ก็เหมือนเป็นการศึกษานอกห้องเรียนอีกแบบนึงเหมือนกัน

เรียนในสิ่งที่ในห้องไม่ได้สอน เรียนจริง ทำจริงด้วย 555

พี่ ๆ ที่ทำงานด้วยทุกคน friendly ดีนะ ทุกคนในทีมคืออายุไม่ได้ห่างกันมาก สามารถคุยได้ทุกเรื่อง เฮฮาดี

 

บรรยากาศการทำงานที่นี่ชิวดีนะ ไม่ใช่ชิวแบบว่าไม่มีงานให้ทำ ไม่ใช่แบบนั้น 55

ก็อย่างที่บอกว่าพี่ ๆ เฮฮาดี คุยได้ทุกเรื่อง บรรยากาศในที่ทำงานเลยไม่มีช่วงเวลาตึง ๆ แบบเครียดจนไม่อยากคุยกับใคร

20150729_152117

 

นี่เลย เครียดมากก็มีปิงปองให้เล่น 55

20150605_150513_001

ถ้ายังเครียดอยู่รออีกหน่อยก็มีผลไม้ ของว่างให้กิน

20150626_131741

ถ้าไม่ไหวแล้วก็มี Dance now มาให้เต้น เอาสิ ๆ

ที่ชอบมากคือตอนเช้า ซึ่งจะเป็นช่วงที่ให้ทุกคนล้อมเป็นวงกลม แล้วพูดสิ่งที่ตัวเองทำมา และสิ่งที่จะทำในวันนี้

ชอบเวลาตัวเองตื่นเต้นเวลาจะพูดภาษาอังกฤษ เพราะไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดซักเท่าไหร่ (ไม่มีเลยเหอะ)

แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็พูดไม่ค่อยออกอยู่ดี 555 มันคิดไม่ค่อยทัน ลืมมั่ง อะไรมั่ง

 

 

สิ่งที่ได้จากที่นี่ก็คงเป็นเรื่องการเขียนโค้ด การต้องมาอ่านโค้ดที่เขียนไว้อย่างเป็นระบบเนี่ย มันรู้สึกดีจริง ๆ นะ

พอย้อนกลับไปดูโค้ดท่ีเคยเขียนเป็น Project ส่งอาจารย์ละ โอ้โห่ ไม่อยากแม้แต่จะเปิดเข้าไปอ่านเลย 555

การสื่อสารกับคนอื่นก็สำคัญ อย่างที่มีพี่คนหนึ่งเคยบอก ถ้าเกิดว่ามีปัญหาแล้วไม่คุยกัน ก็คงทิ้งให้ปัญหาเป็นปัญหาอยู่อย่างนั้น

ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่ามันมีปัญหา แต่คงไม่มีใครที่จะคิดเข้าไปแก้หรอก บางครั้งยังไม่รู้ว่ามันเป็นปัญหาด้วยซ้ำ

500px-1295

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนมากครับ

Tagged ,

What did I learn going abroad?

1779278_10203318311261151_589292419_nUSA

  • การใช้เท้าที่นี่ถือเป็นเรื่องปกติ จะเห็นคนยกขาขึ้นพาดเก้าอี้เวลาดูหนัง พาดโต๊ะเวลากินข้าวอยู่ร่ำไป
  • คนที่นี่ให้ลำดับความสำคัญของการ เดิน > จักรยาน = รถยนต์ เค้าจะหยุดให้คนเดินก่อนเสมอแม้จะขับมาเร็วขนาดไหนก็ตาม
  • จากข้อเมื่อกี้ การข้ามถนนที่นี่จึงเป็นอะไรที่ง่ายมาก แค่หาทางทางม้าลาย ซึ่งมันมีทุก ๆ แยกอยู่แล้ว เดินข้ามไปเลย ส่วนใหญ่เค้าหยุดให้หมดนะ
  • แต่ด้วยความติดนิสัยตอนอยู่ไทย คือยังไงก็ต้องหยุดให้รถไปก่อน คนก็หยุด รถก็หยุด เกิด deadair แบบนี้บ่อยมาก
  • ชีวิตในประเทศโลกที่หนึ่ง Google Now แม่งมีประโยชน์สัสๆ ตอนขึนเครื่อง เกทก็ไม่ต้องเดินหา ดีเลย์ก็บอก
  • อาจจะเคยได้ยินว่าฝรั่งเห็นหน้าเราแล้วจะนึกว่าเราเป็นคนจีน ลืมไปได้เลย หมดยุคละ คนเดี๋ยวนี้เค้าชอบคิดว่าเรามาจากญี่ปุ่นแล้วครับ
  • พอมาทำงานได้เงินเป็น USD นี่ขนาดว่าค่าแรงถูกมาก มากแบบค่าแรงขั้นต่ำของที่นี่ แต่เวลาดูราคาเกมในหน่วย USD ยังรู้สึกว่ามันถูกเลย แบบทำงานครึ่งวันก็ซื้อได้เกมนึงแล้ว
  • คำทักทายของคนที่นี่คือ “เป็นไงบ้าง (how are you?) ” ซึ่งเป็นคำทักทายจริงๆ บางคนถามมาไม่ได้สนใจคำตอบเราด้วยซ้ำ อารมณ์เดียวกับที่คนไทยชอบถามว่า ไปไหน/ไปไหนมา
  • มาม่าสั่งได้จาก amazon 30 ซอง $17 ดอล ตกซองละ 15 บาท ส่วนใหญ่เห็นรสต้มยำกุ้งนะ
  • ร้านฟาสฟู้ดที่นี่ (mc,wendys,etc) ไม่ขายน้ำ ขายแค่แก้วเลือกเอาเลย เล็กกลางใหญ่ แล้วไปกดน้ำกินเอาเอง เติมได้ตลอดด้วย (อันนี้ชอบมาก)
  • ทีวีมี subtitle เปิดปิดได้ทุกช่อง ทุกรายการ ไม่เว้นแม่แต่โฆษณา ทั้ง ๆ ที่เป็น cable ที่น่าจะใช้ระบบ analog นะ
  • แต่โฆษณาที่นี่มันจะแบบ คุณมีปัญหาไอ้นี่ใช่ไหม ลองนี่สิ แล้วก็ปิดท้ายด้วยเบอร์โทรศัพท์ตัวใหญ่ ๆ ไม่น่าสนใจเหมือนที่ไทยเลย
  • ที่นี่แลดูเป็นสังคมแห่งความไว้ใจ ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจและซื่อสัตย์จริงๆ คุณจะอยู่อย่างมีความสุขมาก ไม่ต้องมีคนมาคอยตรวจสอบ จับตาดูตลอด ต่างจากเราที่ถึงแม้ว่าจะบริสุทธิ์ใจขนาดไหนก็ตาม ยังไงซะก็ต้องถูกระแวงอยู่ดี เพราะไม่มีใครเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้อยู่จริงๆ
  • ยังไม่เคยได้ยินคนที่นี่ไม่พูด Good afternoon/evening มีแต่ Good morning อย่างเดียว ถ้าเป็นตอนอื่นใช้กันแค่ hello
  • ถึงจะไม่เคยรู้จักกัน แต่เดินผ่านกันเค้าก็ทักนะ ตอนอยู่แรก ๆ นี่ทำตัวไม่ค่อยถูกเลย
  • คนที่นี่เรียกเหยือกว่า pitcher เคยใช้คำว่า jug แล้วเค้างงหนักมาก
  • ที่ไทยเรียกห้องที่ใช้อาบน้ำว่า bathroom เรียกห้องน้ำว่า toilet แต่คนที่นี่เรียกห้องน้ำว่า bathroom ส่วน toilet เป็นคำไม่สุภาพ
  • ไปเมืองนอกไม่ได้อ้วนเพราะฟาสฟู้ดนะ เพราะแม่งแพง จะอ้วนเพราะน้ำอัดลมนี่แหละ ถูกมาก 100 บาท ได้ 12 ป๋อง ตกป๋องละ 8 บาท กินมันทุกวัน 55
  • ไป ดูกัปตันเมกามา ถึงจะจับไม่ได้ทุกคำแต่ก็โอเค พอรู้เรื่องนะ แต่ถ้าถามเกร็ดเล็กๆ นี่อาจจะตอบไม่ได้ บางมุกคือฝรั่งขำกันทั้งโรง นี่ไม่เลย แต่บางมุกนี่คนไทยขำกันทั้งกลุ่ม ฝรั่งกริ๊บ…
  • รถบัสราคาถูกพิเศษแบบ ราคาปกติ $40 กว่า แต่สามารถขึ้นได้ในราคา $5 แต่ต้องแลกกับการนั่งรอรถเหงือกเปียก หรือไม่ต้องเดินรอในเมืองจนเช้า เพราะจะเป็นรอบหฤโหด ไม่ขึ้นดึกมาก ก็ถึงเช้ามาก เลือกเอา10496103_10204537296815028_7030261081672501805_o

Los Angeles

  • LA Union Station เป็นเหมือน หัวลำโพง+หมอชิต คือเชื่อมทุกอย่างไว้ด้วยกันทั้ง Metro Bus/Subway ทุกสาย, Bus เอกชน, Shuttle เชื่อมไป LAX
  • รอบ ๆ LA นี่พูดเลยว่าเหม็นฉี่ทุก ๆ ระยะ 200 เมตร ขนาดย่าน Hollywood ยังมีกลิ่นบาง ๆ เลย
  • Homeless เยอะและน่ากลัวอยู่พอสมควร เยอะถึงขนาดว่ามีคลินิก Homeless Health Care Center สำหรับ Homeless โดยเฉพาะอ่ะคิดดู
  • ระบบขนส่งสาธารณะที่นี่ทั่วถึงมาก ไปได้ทุกที่ แค่มีบัตร tap ที่สำคัญคือมีบัตร tap แบบ unlimited ใช้ได้ไม่อั้น คุ้มมาก
  • ชอบระบบบัตร tap บัตรเดียวใช้ได้ทั้งรถไฟ รถบัส
  • บัตร tap ซื้อได้ที่สถานีใต้ดิน $21 ใช้ได้ 7 วัน ถูกม้ากกกก
  • Metro bus LA นี่ดีมากๆ ชอบระบบเก็บเงิน จะมีตู้อยู่หน้ารถ ใครมีบัตรก็แค่แตะ ใครใช้เงินสดก็หยอดไป
  • Metro Subway LA นี่น่ากลัวนะ เค้ามีมานานแล้วด้วยแหละ เลยดูเก่าๆ คนที่ขึ้นก็เป็นพวกที่ไม่มีรถส่วนตัว แทบไม่เจอฝรั่งเลย
  • LA มีทั้งส่วนที่เจริญแบบมากๆ เดินตอนกลางคืนก็ไม่น่ากลัว กับบางส่วนที่เป็นบ้านคน เดินกลางวันยังเปลี่ยวเลย
  • ว่าจะไปตามรอยซีรี่เกาหลีเรื่องนึง กับหนังเมกาเรื่องนึงที่ถ่ายที่ LA สุดท้ายก็ไม่ได้ไป ไกลไปหน่อย
  • 10514460_10204153402617913_6375176550011071162_o

San Francisco

  • Metro ที่ซานฟรานล้ำมาก คือนั่งรถบัสจากบ้าน เป็นรถบัสเลยนะ ขับช้ามาก นั่งไปพักนึง มืด ลงดิน แล้วก็พุ่งเลยจ้า กลายเป็นใต้ดินเฉ้ย นี่อึ้งมาก
  • อย่างที่บอกว่า Metro ที่นี่เป็นทั้ง Bus เป็นทั้ง Subway เวลาซื้อตั๋วก็ซื้อตั๋วบัส (ชื่อ muni) เฉย ๆ แต่จะได้นั่งรถใต้ดินด้วย แต่จะมีรถไฟฟ้าใต้ดินเฉพาะ (BART) ต้องซื้อแยก และแพงพอสมควร
  • ตอนที่ไปซื้อแบบ 3 วัน unlimited $23 ต้องแสดงบัตรว่าเป็นนักท่องเที่ยวด้วยนะ
  • เมืองสวยมาก เป็นเมืองอันดับหนึ่งในใจคุณ (เฮ้ย ไม่ใช่เบอร์ดี้)
  • ไปเที่ยวตอนหน้าร้อน แบบ summer เลยนะ แต่อากาศดีมาก ไม่ร้อน ลมพัดเย็นตลอด แต่ตอนดึก ๆ ลมพัดแรงไป หนาวมาก แถมหมอกนี่วิ่งผ่านฟึ่บ ๆ ยังกะในเรื่อง The Mist
  • แอบไปถ่ายรูปสะพาน golden gate ตอนมืด ๆ ตำรวจขับรถมาเลย เอาไฟฉายมาส่อง ๆ ด้วย แต่เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ
  • ตอนไป ไปเจอ Gay Pride ด้วย แต่ไม่ทันหัวขบวนเห็นว่าลุงทิมจาก Apple ก็มาเดินด้วย แต่ดูมีสีสันดี
  • คนที่นี่ดูดีมาก ไม่เว้นแม้แต่ homeless 555555555
  • เป็นเมืองมีระดับ เนินทั้งนั้น บางเนินนี่จะเรียกว่าภูเขาเลยก็ได้นะ แต่พอขึ้นไปแล้วจะเห็นวิวทั้งเมือง ซึ่งสวยมากกก (อีกละ)
  • ก่อนถึง golden gate จะมี Golden Gate Park อารมณ์คล้าย ๆ Central Park ของนิวยอร์ค ไม่ก็สวนลุมของไทย แต่ที่ไม่เหมือนคือ มันคือป่า ป่าจริง ๆ ป่าใหญ่ด้วย แบบมืด ๆ ทึม ๆ อยู่กลางเมือง

10380642_10204191547451510_1709049408375760988_o

Washington D.C.

  • โรงแรมราคา $400 สามารถจองได้ในราคา $80 จองผ่าน expedia พ่วงกับตั๋วเครื่องบิน พีคมาก
  • Metro ที่ Washington D.C. นี่ไม่แยกว่าเป็นบนดินใต้ดินนะ วิ่งๆ อยู่บนดิน พักนึงพุ่งลงไปอย่างลึก แล้วมันก็มาวิ่งใต้ดินเฉย
  • งานพาเรดวันชาติ 4th of July ที่ Washington DC เอาจริง ๆ ก็ไม่มีอะไรนะ อาจจะเพราะเราเป็นคนนอกด้วยมั้ง เลยไม่ได้อินเท่าไหร่ ร้อนมากด้วย
  • ตรงส่วนที่เป็นพิพิธพัณฑ์สมิธโซเนี่ยน เผื่อเวลาไว้ซักสองสามวันเลยนะ ถ้าจะดูให้ครบ เยอะมากจริง ๆ
  • งานดูพลุวันชาติที่วอชิงตันดีซี บรรยากาศเหมือนตอนปีใหม่เซ็นทรัลเวิล์ด คือคนค่อยๆ แห่มาเรื่อยๆ พอตอนกลับคือรถไฟฟ้าแน่นเป็นปลากระป๋อง
  • สถานที่ดูพลุคือลานหญ้าตรง Washington monument นั่นแหละ คนไปรอกันตั้งแต่สามสี่โมง ถ้าอยากได้ที่ดี ๆ ก็ต้องไปเร็ว ๆ หน่อย
  • ตอนที่ไป เมืองนี้ร้อนที่สุด ร้อนแบบอบอ้าว ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ทั้งปีไหน

10580927_10204545108090305_413210112068983734_o

Boston

  • เมืองนี้ฝรั่งเด็ดมาก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเด็กมหาลัยที่เรียน Havard กับ MIT ตอนเย็น ๆ เค้าจะออกมาวิ่งออกกำลังกายแถว ๆ แม่น้ำชาร์ล แต่ละคนแบบ ….
  • เมืองนี้ออกจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ +  มาดูมหาลัยเค้า เป็นเมืองเก่าแก่อ่ะ ประวัติเยอะ

10633900_10204523863799211_4586623624500688186_o

New York

  • Metro ที่นิวยอร์คคือนรกมาก ไม่มีแอร์ แล้วร้อนสัส แล้วบางสถานีคือถ้าเข้าผิดฝั่งคือผิดเลย ไม่มีทางเขื่อมให้ หลายสถานีไม่มีลิฟท์ นรกสำหรับพวกลากกระเป๋าใบใหญ่ๆ แต่สถานีเยอะจริง มีทุกบล็อก
  • ถ้ามีเวลาว่าง ไปนั่งที่ Central Park ได้ เป็นความรู้สึกที่เหมือนได้อยู่นอกเมือง แต่จริง ๆ อยู่กลางเมือง
  • ไปมา 5 เมืองพบว่า รถไฟใต้ดินไทยนี่ล้ำสุดละ นี่ไม่ได้ประชด คือมีแอร์ทุกสถานี มีสัญญาณโทรศัพท์ ตลอด

10547069_10204391966781868_6884000232642999042_o

Japan

  • เวลาเปิดหา Wifi ที่ญี่ปุ่นจะมีลิสท์ขึ้นมาประมาณสามร้อยอัน เพราะคนที่นี่ชอบพก Portable Wifi
  • ไปเมกาถ้าพูดอังกฤษไม่ได้ บอกไปเค้ายังพอเข้าใจได้นะ เพราะหน้าเราเอเชีย แต่มาญี่ปุ่นนี่ไม่รู้จะบอกยังไงเลย โผล่หน้าไปหาแคชเชียร์ก็รัวใส่ละ
  • การนั่งๆ อยู่แล้วมีน้ำมาฉีดตูดนี่มันรู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันนะ
  • ใครสั่งใครสอนให้ไปดูภูเขาไฟฟูจิหน้าร้อนเนี่ย ไม่เห็นเหมือนในรูปเลย ปัดโธ่!
Tagged , , , , , , , , ,

try to make new post

this is the new post