ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา เวลามีคนมาถามว่าฝึกงานที่ไหน ไม่รู้ทำไมถึงลำบากใจที่จะตอบเหลือเกิน คือไม่รู้จะตอบยังไงดี 55
เพราะถ้าบอกชื่อบริษัทไป เค้าก็จะถามต่อว่าคืออะไร แต่ถ้าบอกว่าบริษัททำเว็บ เค้าก็จะถามต่อว่าชื่ออะไร
ด้วยความที่เป็นบริษัทที่ไม่ได้มีตลาดลูกค้าในเมืองไทย ก็ไม่แปลกที่จะไม่มีใครรู้จักบริษัทนี้
อ้าว! แล้วผมไปรู้จักได้ยังไง 55
เรื่องมันเริ่มมาจาก ที่มหาลัยจัดงานให้บริษัทต่าง ๆ เข้ามาเปิดบูธเพื่อโปรโมทบริษัทเพื่อรับสมัครนิสิตเข้าฝึกงาน
ตอนนั้นก็มีมาเยอะนะ บริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Microsoft กสิกรไทย ตลาดหลักทรัพย์ IBM
บริษัทเล็ก ๆ ที่เป็น startup ก็มีมาเหมือนกัน แต่ด้วยความเชื่อส่วนตัวอะไรสักอย่าง ทำให้ผมอยากฝึกงานในบริษัทไม่ใหญ่ครับ
เนื่องจากผมมองว่าบริษัทใหญ่เนี่ย เค้ามีระบบ ขั้นตอนต่าง ๆ ที่วางมาแล้วแบบว่าขยับยาก
การที่เราจะเข้าไปทำงาน (ฝึกงาน) แค่ 2 เดือนเนี่ย โอกาสที่เค้าจะให้เราเข้าไปมีส่วนร่วมในงานของเค้าจริง ๆ น่าจะยาก
สุดท้ายผมก็เลือกที่จะเข้าไปสมัครและได้ฝึกงานที่บริษัทนี้ครับ
บริษัทนี้รู้จักกันในชื่อว่า Pronto Marketing ซึ่งผมเพิ่งจะมารู้เอาทีหลังว่าชื่อจริง ๆ ของบริษัทนี้คือ มอนซูน คอมมูนิเคชั่นส์
อันนี้ค่อนข้างจะเข้าใจยากนะ คือบริษัทเนี้ย เป็นบริษัทที่ทำทุกอย่างให้ลูกค้า ตั้งแต่เว็บไซต์, SEO, marketing
ซึ่งลูกค้าก็คือธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งเอาจริง ๆ เค้าก็จะมีลูกค้าของเค้าอีกที
ด้วยเหตุนี้เวลาทำงาน ก็มีหลายครั้งที่งงว่า ลูกค้าคือลูกค้าหรือว่าลูกค้าของลูกค้า (หึ๊?)
ในเมื่อทำให้ลูกค้าได้เยอะขนาดนี้ บริษัทก็เลยต้องแบ่งเป็นส่วน ๆ ครับ ไม่ใช่ว่าคนกลุ่มเดียวจะทำได้ทั้งหมด
ซึ่งส่วนที่ผมไปฝึกงานเนี่ย ก็เป็นส่วนที่เรียกว่า Research and Development
เป็นส่วนที่พัฒนาส่วน backend ของเว็บไซต์ และส่วน analysis สถิติต่าง ๆ ในเว็บที่เราทำให้ลูกค้าเรา
สบาย ๆ ครับ ทีนี่เน้นสบาย ๆ ไม่ใช่ว่างานสบายหรืออะไรนะ แต่แต่งตัวสบาย ๆ ชิว ๆ เสื้อยืด กางเกงขาสั้นบ้าง ยีนส์บ้าง แตะบ้าง ผ้าใบบ้าง
จนบางครั้งเพิ่งจะเดินลงจากรถเมล์กลับจากที่ทำงาน เพื่อนก็จะถามว่า “นี่วันนี้ไม่ไปฝึกงานเหรอ?” 555
routine การฝึกงานของที่นี่ ค่อนข้างจะโอเคนะ มี checkpoint ให้บ่อย ทำงานไม่นานไป ทำให้ไม่รู้สึกว่าเบื่อที่จะต้องมาทำงาน
จะเบื่อทำไป อีกแป๊บเดียวก็ได้พักแล้ว อ่ะ ไม่เชื่อ เดี๋ยวไล่ให้ดูเลย
- เข้างานตอน 9 โมง (ไม่ควรเลทนะ แต่เลทตลอด แหะ ๆ) จะมีฝึกเขียนโค้ดทุก ๆ เช้า
- ประมาณ 9.30 น. พัก จะขึ้นไปชงกาแฟหรือทำธุรัส่วนตัวก็ไดิ
- ตอน 10 โมง มี standup meeting ประชุมทีมว่าเมื่อวานทำอะไรบ้าง วันนี้กำลังจะทำอะไร
- หลังจากนั้นก็ทำงานไปจนถึงเที่ยง พัก
- เข้างานบ่ายโมง ทำงานอีกสองชั่วโมง
- 15:00 น. มีอาหารว่างและโต๊ะปิงปองอยู่ที่ชั้น 7 จะนั่งกินตรงนั้นชิว ๆ หรือหยิบใส่จานไปทำงานด้วยก็ได้
- 17:00 น. ก็เลิกงานละ
ถ้าให้วางเป็น timeline จะได้แบบนี้
30m KATA | 30m BREAK | 30m MEETING | 1h 30m WORK | 1h BREAK | 2h WORK | 30m BREAK | 1h 30m BREAK
จะเห็นว่าแต่ละ cycle การทำงานจะไม่เกิน 2 ชั่วโมงเลยนะ ด้วยความที่เรารู้สึกว่าเราทำงานอย่างมีจุดหมาย (เวลาพัก 55)
ก็เลยทำให้เราอยากจะใช้เวลาสำหรับทำงานเพื่อทำงานอย่างเต็มที่ จะวอกแวกไปทำอย่างอื่นทำไม ในเมื่ออีกไม่ถึง 2 ชม. ก็ได้พักละ
เคยเป็นมั้ย เวลาต้องมา debug/maintain โค้ดที่คนอื่นเขียน บางครั้งใช้เวลาแก้แค่สองสามชั่วโมง แต่เสียเวลาไปเป็นวัน ๆ เพื่อแกะโค้ด
การเขียนโค้ดที่นี่ไม่ได้เร่ง ๆ ทำให้เสร็จ ๆ ไปนะ ไม่ได้เน้นแต่ปริมาณ แต่คำนึงถึงคุณภาพในทุก ๆ บรรทัด ไม่สิ ทุก ๆ อักขระเลยเหอะ 55
สิ่งที่คนที่นี่ใช้ตรวจสอบความสวยงามของโค้ดเรียกว่า flake8 (ก่อนหน้านี้พักนึงเหมือนจะใช้ pep8 ด้วยนะ)
เรียกว่าเป็น list แรกของการตรวจสอบการทำงานของโค้ดที่เราเขียน ช่วยให้คนที่มาทำงานต่อเราทำงานง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะ
2 อาทิตย์แรกที่ไป จะเป็นการปูพื้นฐานเกี่ยวกับเครื่องมือที่ใช้ (ในที่นี้ใช้ภาษา Python กับ django framework)
สอนในระดับที่คนที่ไม่เคยแตะ Python/django มาก่อน สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องคอยถามอ่ะ
ผมเคยทำ django มาก่อนแล้วสงสัยอะไรหลายอย่าง ว่าเฮ้ย ทำไมอันนี้มันอยู่ตรงนี้ ไม่ไปอยู่ตรงนั้น ทำไมต้องมีไฟล์นี้
ระหว่างที่สอนก็ถามได้ตลอด ก็ทำให้หายสงสัยอะไรหลาย ๆ อย่างนะ
ลองคิดดูว่าถ้าเป็นคอร์สเรียนข้างนอกที่จะมาสอนขนาดนี้ คนสอน 1 คนต่อนักเรียน 4 คน จะหาได้ที่ไหน 55
จริง ๆ ก็ไม่เชิงว่าสอนหรอก แต่เป็นการให้ลองทำ project สมมติ เล็ก ๆ ซึ่งโครงสร้างมันเหมือนกับงานจริง
ระหว่างที่ทำ ก็จะแทรกขั้นตอนกระบวนการทำงาน ว่าทีมทำงานกันยังไง
อ้อ ที่นี่ใช้ Agile Methodologies ในการ develop นะครับ คือเอาจริง ๆ ผมเพิ่งจะเรียนเรื่อง Development System มา
ในวิชาหนึ่งที่มหาวิทยาลัย แต่เค้าสอน Agile แบบข้าม ข้ามมาก ๆ เรียกได้ว่าแค่พูดถึงชื่อแล้วผ่านไปเลย
การมาฝึกงานที่นี่ ก็เหมือนเป็นการศึกษานอกห้องเรียนอีกแบบนึงเหมือนกัน
เรียนในสิ่งที่ในห้องไม่ได้สอน เรียนจริง ทำจริงด้วย 555
พี่ ๆ ที่ทำงานด้วยทุกคน friendly ดีนะ ทุกคนในทีมคืออายุไม่ได้ห่างกันมาก สามารถคุยได้ทุกเรื่อง เฮฮาดี
บรรยากาศการทำงานที่นี่ชิวดีนะ ไม่ใช่ชิวแบบว่าไม่มีงานให้ทำ ไม่ใช่แบบนั้น 55
ก็อย่างที่บอกว่าพี่ ๆ เฮฮาดี คุยได้ทุกเรื่อง บรรยากาศในที่ทำงานเลยไม่มีช่วงเวลาตึง ๆ แบบเครียดจนไม่อยากคุยกับใคร
นี่เลย เครียดมากก็มีปิงปองให้เล่น 55
ถ้ายังเครียดอยู่รออีกหน่อยก็มีผลไม้ ของว่างให้กิน
ถ้าไม่ไหวแล้วก็มี Dance now มาให้เต้น เอาสิ ๆ
ที่ชอบมากคือตอนเช้า ซึ่งจะเป็นช่วงที่ให้ทุกคนล้อมเป็นวงกลม แล้วพูดสิ่งที่ตัวเองทำมา และสิ่งที่จะทำในวันนี้
ชอบเวลาตัวเองตื่นเต้นเวลาจะพูดภาษาอังกฤษ เพราะไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดซักเท่าไหร่ (ไม่มีเลยเหอะ)
แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็พูดไม่ค่อยออกอยู่ดี 555 มันคิดไม่ค่อยทัน ลืมมั่ง อะไรมั่ง
สิ่งที่ได้จากที่นี่ก็คงเป็นเรื่องการเขียนโค้ด การต้องมาอ่านโค้ดที่เขียนไว้อย่างเป็นระบบเนี่ย มันรู้สึกดีจริง ๆ นะ
พอย้อนกลับไปดูโค้ดท่ีเคยเขียนเป็น Project ส่งอาจารย์ละ โอ้โห่ ไม่อยากแม้แต่จะเปิดเข้าไปอ่านเลย 555
การสื่อสารกับคนอื่นก็สำคัญ อย่างที่มีพี่คนหนึ่งเคยบอก ถ้าเกิดว่ามีปัญหาแล้วไม่คุยกัน ก็คงทิ้งให้ปัญหาเป็นปัญหาอยู่อย่างนั้น
ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่ามันมีปัญหา แต่คงไม่มีใครที่จะคิดเข้าไปแก้หรอก บางครั้งยังไม่รู้ว่ามันเป็นปัญหาด้วยซ้ำ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนมากครับ